คะแนนรีวิว
เรทติ้ง
ให้คะแนนหนังเรื่องนี้:
เรื่องย่อหนัง:
เรื่อง “The End of the Tour” เป็นเรื่องราวของนักเขียนชื่อดังชื่อ เดวิด ฟอสเตอร์วอลเลส ที่ได้สำรวจและเขียนเอกสารเกี่ยวกับชีวิตและประวัติศาสตร์ของอเมริกาในยุค 90 โดยเฉพาะอเมริกาเหนือ
ในขณะที่เขากำลังเขียนโครงงานสำหรับหนังสือในปี 1996, เดวิดได้เดินทางไปตามรอยของนักเขียนชื่ออื่น ๆ เช่นที่ John Updike และ David Foster Wallace ซึ่งเขาต้องการเข้าไปชมชีวิตและความคิดของพวกเขา แต่การแนะนำเองของเดวิดถูกส่งไปยังดีเอ็นเอ็นหนังสือ และมันกลายเป็นบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวิตและงานเขียนของดีเอ็นเอ็น
โดยในช่วงระหว่างการสัมภาษณ์เหล่านี้, ดีเอ็นเอ็นเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเพราะเขาไม่ชอบการต้อนรับสื่อสารเพื่อนร่วมงานของเขา และก็เริ่มซึมเศร้า ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จแล้วแต่เขายังคงมองต่อหน้าจอคอมพิวเตอร์หลาย ๆ ชั่วโมงต่อวัน ยกเว้นเวลาที่เขาเป็นกระแสคิวของคนอื่น
เรื่อง “The End of the Tour” มีชื่อเต็มว่า “Although of Course You End Up Becoming Yourself,” ซึ่งเป็นบทคัมที่ดีเอ็นเอ็นเขียนและตีพิมพ์ใน The Rolling Stone Magazine ในปี 1996 ซึ่งเป็นบรรดาเรื่องราวของแท้ที่เป็นที่รู้จักกันจนถึงทุกวันนี้ ในการสัมภาษณ์นี้ดีเอ็นเอ็นได้เปิดเผยหลายเรื่องเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขาและวิถีชีวิตของวงการนักเขียนแต่งประสบความสำเร็จ ซึ่งทำให้เรื่องราวดูเหมือนว่าเป็นฉบับภาพยนตร์ของอเมริกาเหนือที่เขียนได้ในช่วงเวลาที่น่าจดจำ
“Although of Course You End Up Becoming Yourself” ถูกเขียนโดยเดวิด ลิปส์กี้ ที่เป็นนักเขียนบทความสำหรับ The New Yorker และยังสร้างสรรค์บทภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ เช่น MARRIED LIFE สำหรับยูโรพีเยสือนี้ รับบทเดวิดฟอสเตอร์วอลเลสโดย Jason Segel และบอกเล่าเรื่องราวของดีเอ็นเอ็นโดย Jesse Eisenberg ซึ่งเป็นที่เป็นที่รู้จักของเราโดยทั่วไปในฐานะนักแสดงของหนัง SQUID AND THE WHALE และเคยเล่นบทของมาร์ค ซัคเบิลของ Facebook ในหนัง THE SOCIAL NETWORK
“The End of the Tour” ให้มุมมองด้านในของเรื่องราวที่เป็นห่วงหวาดใจมากขึ้นกับแรงจูงใจและสิ่งที่มีการสื่อสารกันที่เกินความคาดหวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการกับการเปิดเผยตัวตนของตนเอง นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับวัยรุ่นของดีเอ็นเอ็นที่ครูเขาในมัธยมต่อว่าเขามีเกียรติที่จะได้อยู่ในรายการดังกล่าว ดีเอ็นเอ็นอาจจะเป็นหน้าที่ซึ่งเขาเลือกไว้แต่ก็ยังมีวันที่เขาสามารถเดินทางไปตามที่ตัวเขามุ่งหมายได้เสมอถ้าเขายังคงมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้อย่างอย่างไร้สาระ
เป็นเรื่องราวที่เล่าเรื่องของการได้รับปริมาณผู้อ่านที่มากขึ้นตามไปด้วยความคาดหวังที่มากขึ้นและบทสัมภาษณ์ที่เผลอเปิดเผยมากเกินไป ยิ่งการให้ Jason Segal เป็นตัวแทนของ DFW ก็ทำให้เป็นหนังที่น่าสนใจมากขึ้นอีกด้วยแม้จะไม่ใช่ผู้กำกับของหนังเอง Segal ก็ได้แสดงออกมาได้ดีไม่เป็นน้อย
ดังนั้น, ถึงจะไม่ได้มีฉากต่อสู้ ผลงานนี้อาจจะไม่เป็นที่เหมาะสมสำหรับคนที่ชื่นชอบฉากคลั่งรักษาความสุข แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบการดูการบันทึกเกี่ยวกับวงการนักเขียน หรือแม้แต่คนที่รักการอ่านหนังสือเล่มหนา ผลงานนี้อาจจะไม่ได้มาพร้อมกับความคาดหวังมากนัก แต่ก็เป็นหนังที่น่าติดตามและน่าสนใจอย่างแน่นอนที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เคยอ่านหนังสือของ DFW มาก่อน